แรงม้ามีให้ใช้ถึง 60 แรงม้า ที่ 4, 400 รอบ/นาที มีน้ำหนักตัวเพียง 1, 300 กิโลกรัม เท่านั้น ในรุ่นแรกมีบอดี้ 2 แบบ คือ แบบ 4 ประตู และสเตชั่นวากอน 5 ประตู ถือว่าเป็นรถครอบครัวระดับหรูอีกหนึ่งรุ่นเลย ซึ่งเจ้า Skyline ไม่ได้ออกรุ่น ALSI-1 Series มาอย่างเดียว ยังได้ออกรุ่น ALSIS-1, ALSID-1 Deluxe, ALSI-2 series ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีออพชั่นที่แตกต่างกันออกไป บางรุ่นอาจจะเปลี่ยนกระจังหน้าใหม่ ใส่ไฟตัดหมอกเพิ่ม ใส่คิ้วโครมเมียม เป็นต้น เหมือนกับรุ่น S รุ่น Q รุ่น Limited ของรถรุ่นใหม่ๆ ณ ตอนนี้ โดยในรุ่น ALSI-2Series เครื่องยนต์ GA-40 เครื่อง 1, 500 ซีซี. เช่นกัน แต่มีแรงให้ใช้ถึง 70 แรงม้า เลยทีเดียว สำหรับรุ่น BLSI ออกมาในเดือน พฤษภาคม 1961 เครื่องยนต์ถูกเปลี่ยนเป็น เครื่อง 1, 900 ซีซี. มีแรงม้าให้ใช้ถึง 91 แรงม้า เป็นเครื่องรหัส GB-40 OHV 4 สูบ ส่วนในปี 1962 ออกรุ่น S21 ออกมาเป็นเครื่องตัวเดิมแต่ไม่มีสายการผลิตรถ 3 ประตู แล้ว แต่ทำเป็น 5 ประตู แทน ส่วนในรุ่น BLRA-3 Skyline Sport เป็นคูเป้และรถเปิดประทุน โดยเครื่องยนต์เป็น เครื่อง 1, 900 ซีซี. GB-40 จากตัวที่แล้วนำมาใส่ในรถรุ่นนี้ด้วย GEN 2 Prince Skyline S50/ S54/ S57 (1963-1968) สำหรับ Genสอง ใช้เป็นชื่อรหัส S50 โดยในช่วง Gen 2 มีผลิตออกมาทั้งหมด 3 รุ่น คือ S50/S54/S57 โดยเครื่องยนต์ของรุ่น S50 เป็น เครื่องรหัส G-1 1, 500 ซีซี.
ที่ติดตั้งกับ Skyline Van 200D (VSC211D) มีแรงม้าให้ใช้ถึง 65 แรงม้า ที่ 4600 rpm ส่วนตัว "T" ที่ตามหลังรหัสเครื่องอย่าง L16T และ L18T ไม่ได้หมายถึงระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ แต่เป็นสํญลักษณ์ที่บอกว่า เครื่องยนต์เหล่านี้ มาพร้อมกับคาร์บูเรเตอร์คู่ เครื่องยนต์ L-Series ถูกเปลี่ยนให้เป็น Z-Series ในช่วงปลายปี 1978 ได้ออกแบบเครื่องรหัส L16 เป็นเครื่องที่ถูกผลิตขึ้มาเพื่อเชิงพาณิชย์เป็น เครื่อง 6 สูบ 2, 400 ซีซี. ซึ่งเครื่องตัวนี้ส่งออกไปขายต่างประเทศเท่านั้น ไม่ได้มีจัดจำหน่ายที่ประเทศญี่ปุ่น ติดตามเพิ่มเติมได้ใน Nissan Skyline เปิดตำนานจากรุ่นสู่รุ่น จนได้ชื่อว่าเป็น ขุมทรัพย์ชั้นเลิศอีกหนึ่งรุ่นของญี่ปุ่น EP. 2
มีแรงม้าให้ใช้ 68-70 แรงม้า เป็นรถซีดาน 4 ประตู เป็นรถเกียร์ธรรมดา 3 Speed และได้เพิ่มเป็นแบบ 4 สปีด ในปี 1965 ในปี 1966 ได้เพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้รถด้วยเกียร์อัตโนมัติ 2 Speed โดยรุ่น S50 มีรุ่นย่อยอีก 3 รุ่น คือ S50-1, S50-2, S50-3 ทั้งหมดนี้ใช้เครื่องตัวเดียวกัน แตกต่างกันตรงที่อุปกรณ์นอกรถเท่านั้น รุ่น S54 ทาง Prince Motor Company ได้สร้าง Skyline GT ออกมาในเดือน พฤษภาคม 1964 โดยใช้ชื่อรุ่นว่า S54 ภายใต้ เครื่องยนต์รหัส G-7 ซึ่งต้องขยายฐานล้อออกมาประมาณ 200 mm. เพื่อวางเครื่อง 6 สูบ ลงทำการแข่งขัน Japanese Grand Prix ในคลาส GT-II ลงขับเคี่ยวกับทาง Porsch ด้วยรูปทรงที่โฉบเฉี่ยวขึ้น ความแรงของเครื่องยนต์ทำให้รถรุ่นนี้ ได้รับความนิยมอีกหนึ่งรุ่น โดยทางฝั่ง South Australian จะเรียกรถรุ่นนี้ว่า GT-A, GT-B ส่วนฝั่งญี่ปุ่นจะเรียกรถรุ่นนี้ว่า S54A-S54B โดย เครื่องยนต์ของเจ้า S54A เป็นเครื่อง 2, 000 ซีซี. G-7 คาร์บูเรเตอร์เดี่ยว 6 สูบ 104 แรงม้า ส่วนรุ่น S54B คาร์บูเรเตอร์ 3 ตัว หกสูบ 123 แรงม้า ตัวคาร์บูเรเตอร์เป็น Webber 40DCOE-18 ลิมิเต็ดสลิป เกียร์ Close Ratio 5 Speed เปลี่ยนลูกสูบใหม่ ทำแคมชาฟท์ใหม่ พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนระบบเบรกใหม่ ส่วนในตัว GT-A และ GT-B ที่ขายในยุโรปจะเป็นแบบ เกียร์ 4 และ 5 Speed รุ่น S57 รถรุ่นนี้ ออกแบบเป็นรุ่นสุดท้ายของทางบริษัท Prince Motor Company ได้ทำการอัพเกรดเครื่องใหม่ใช้เป็น รหัส G15 OHC 1, 500 ซีซี.